Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/2840
Title: ภาวะที่มีผลต่อการแปรผันด้วยตัวเองของเชื้อ Acetobacter xylinum
Other Titles: Conditions that effect spontaneous variation of Acetobacter xylinum
Authors: นริสรา กิตติวณิชานนท์
Advisors: สุเมธ ตันตระเธียร
วิเชียร ริมพณิชยกิจ
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะวิทยาศาสตร์
Advisor's Email: [email protected]
[email protected]
Subjects: อะซีโตแบคเตอร์ไซลีนัม
ความผันแปร (ชีววิทยา)
Issue Date: 2544
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: เชื้อ Acetobacter sp. 3 สายพันธุ์ จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย มีลักษณะเฉพาะทางสัณฐานวิทยา ชีวเคมีและการสร้างวุ้นแตกต่างกัน โดยเมื่อเลี้ยงในอาหารเหลวน้ำมะพร้าวที่ปรับปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำทั้งหมดเป็น 9 ํBrix ด้วยน้ำตาลซูโครสและปรับค่าความเป็นกรดด่างให้เป็น 5 ด้วยกรดอะซิติก ที่อุณหภูมิ 30 ํC เป็นเวลา 7 วัน พบว่า สายพันธุ์ TISTR 893 สร้างวุ้นที่มีความหนา 0.36 เซนติเมตร มีน้ำหนักเปียก 9.78 กรัม ปริมาณกรดในอาหารเป็น 0.22% (w/v) ผลิตเซลลูโลส 35.27% (กรัมเซลลูโลสต่อปริมาณน้ำตาลที่ใช้ 100 กรัม) TISTR 975 สร้างวุ้นที่มีความหนา 1.04 เซนติเมตร มีน้ำหนักเปียก 27.73 กรัม ปริมาณกรดในอาหารเป็น 0.30% ผลิตเซลลูโลส 27.88% และ TISTR 1037 สร้างวุ้นที่มีความหนา 0.55 เซนติเมตร มีน้ำหนักเปียก 14.56 กรัม ปริมาณกรดในอาหารเป็น 0.23% ผลิตเซลลูโลส 30.10% เมื่อทำการเลี้ยงเชื้อและต่อเชื้อ 3 วิธีคือ เลี้ยงเชื้อในอาหารเหลวที่ภาวะนิ่งต่อเชื้อทุกๆ 3 วัน เลี้ยงเชื้อในอาหารเหลวที่ภาวะเขย่าด้วยความเร็วรอบ 150 rpm ต่อเชื้อทุกๆ 3 วัน และเลี้ยงเชื้อในอาหารเหลวสลับกับอาหารแข็งที่ภาวะนิ่งต่อเชื้อทุกๆ 7 วัน ทำให้พบเชื้อแปรผัน 4 สายพันธุ์ที่มีลักษณะโคโลนีเปลี่ยนไปจากลักษณะโคโลนีสายพันธุ์เดิมดังนี้ 893A แปรจาก TISTR 893 หลังจากเลี้ยงในอาหารเหลวสลับกับอาหารแข็งที่ภาวะนิ่งและต่อเชื้อเป็นจำนวน 10 ครั้ง สร้างวุ้นที่มีความหนา 0.38 เซนติเมตรและผลิตเซลลูโลสลดลงเป็น 12.97% 975A แปรจาก TISTR 975 หลังจากเลี้ยงในอาหารเหลวที่ภาวะเขย่าและต่อเชื้อเป็นจำนวน 16 ครั้ง สร้างวุ้นที่มีความหนา 0.63 เซนติเมตรและผลิตเซลลูโลสลดลงเป็น 13.02% 975B แปรจาก TISTR 975 หลังจากเลี้ยงในอาหารเหลวที่ภาวะนิ่งและต่อเชื้อเป็นจำนวน 16 ครั้ง สร้างวุ้นที่มีความหนา 0.41 เซนติเมตรและผลิตเซลลูโลสลดลงเป็น 11.36% 1037A แปรจาก TISTR 1037 หลังจากเลี้ยงในอาหารเหลวที่ภาวะเขย่าและต่อเชื้อเป็นจำนวน 16 ครั้ง สร้างวุ้นที่มีความหนา 0.64 เซนติเมตรและผลิตเซลลูโลสลดลงเป็น 16.51% ในระหว่างการเลี้ยงเชื้อและต่อเชื้อทั้ง 3 วิธีเมื่อต่อเชื้อครบทุก 4 ครั้ง จะนำเชื้อมาวัดการสร้างวุ้นเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของเชื้อเปรียบเทียบกับลักษณะโคโลนีบนอาหารแข็ง พบว่าถึงแม้เชื้อจะมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะการสร้างวุ้นในทุกครั้งที่ทำการวัด แต่ลักษณะโคโลนีของเชื้อไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วยทุกครั้ง เมื่อทดสอบลักษณะทางชีวเคมีของเชื้อแปรผันทั้ง 4 สายพันธุ์ พบว่ามีความแตกต่างกันและแตกต่างจากเชื้อตั้งต้น แต่เมื่อทดสอบลักษณะทางพันธุกรรมของเชื้อตั้งต้น 3 สายพันธุ์และเชื้อแปรผัน 4 สายพันธุ์ โดยใช้เทคนิค Restriction Fragment Length Polymorphism (RFLP) ด้วยเรสทริกชันเอนไซม์ 8 ชนิดพบว่า แถบดีเอ็นเอของแต่ละสายพันธุ์บนอะกาโรสเกิดจากการตัดด้วยเอนไซม์ทั้ง 8 ชนิดไม่มีความแตกต่างกัน
Other Abstract: Three strains of Acetobacter sp. obtained from Thailand Institute of Scientific and Technological Research were different in morphology, chemical characteristics and cellulose production. After cultivation in coconut water media, which was adjusted the total soluble solid to 9 ํBrix by sucrose and pH to 5 by acetic acid at 30 ํC for 7 days, TISTR 893 produced 0.36 centimeters in pellicle thickness which had 9.78 grams wet weight, 0.22% acid content (as g acetic acid per 100 ml media) and 35.27% yield of cellulose, TISTR 975 produced 1.04 centimeters in pellicle thickness which had 27.73 grams wet weight, 0.30% acid content and 27.88% yield of cellulose and TISTR 1037 produced 0.55 centimeters in pellicle thickness which had 14.56 grams wet weight, 0.23% acid content and 30.10% yield of cellulose. Three methods of cultivation and subculture were culturing in liquid media under static condition and subculture every 3 days, culturing in liquid media at 150 rpm with shaking condition and subculture every 3 days, and alternately culturing in liquid media and agar media under static condition and subculture every 7 days. These resulted in 4 variants, which were different in colony forming from parent cultures. The 893A varied from TISTR 893 after alternately culturing in liquid media and agar media under static condition and subculture for 10 times, it produced 0.38 centimeters in pellicle thickness and 12.97% yield of cellulose. The 975A varied from TISTR 975 after culturing in liquid media at 150 rpm with shaking condition and subculture for 16 times, it produced 0.63 centimeters in pellicle thickness and 13.02% yield of cellulose. The 975B varied from TISTR 975 after culturing in liquid media under static condition and subculture for 16 times, it produced 0.41 centimeters in pellicle thickness and 11.36% yield of cellulose. The 1037 A varied from TISTR 1037 after culturing in liquid media at 150 rpm with shaking condition and subculture for 16 times, it produced 0.64 centimeters in pellicle thickness and 16.51%yield of cellulose. During the cultivations of every 4 subcultures, there were detectable reductions of cellulose production but no variation in colony forming. Chemical characteristics of 4 variants were different from each other and from parent cultures. Genetic characteristics of the 3 TISTR strains and 4 variants were tested by using Restriction Fragment Length Polymorphism (RFLP) technique with 8 restriction enzymes and found that there were no differences.
Description: วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2544
Degree Name: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: เทคโนโลยีทางอาหาร
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/2840
ISBN: 9741701926
Type: Thesis
Appears in Collections:Sci - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Narissara.pdf4.52 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.