Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60775
Title: ความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของภาวะติดงานของพยาบาลในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
Other Titles: The prevalence and related factors of work addiction among nurses of King Chulalongkorn Memorial Hospital
Authors: วิศิษฎ์ เนติโรจนกุล
Advisors: วิโรจน์ เจียมจรัสรังษี
รัศมน กัลยาศิริ
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะแพทยศาสตร์
Advisor's Email: [email protected]
[email protected]
Subjects: โรคบ้างาน
การทำงาน -- แง่จิตวิทยา
พยาบาล -- การทำงาน
Workaholism
Work -- Psychological aspects
Nurses -- Work
Issue Date: 2561
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: ปัจจุบันภาวะติดงานกำลังเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจในการศึกษาเชิงประจักษ์ ขณะที่ประเทศไทยยังไม่เคยศึกษาเรื่องความชุกของภาวะติดงาน วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้เพื่อศึกษาหาความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวของภาวะติดงาน โดยกลุ่มตัวอย่างคือพยาบาลในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จำนวน 553 คน เพศหญิง ประเมินภาวะติดงานโดยใช้แบบสอบถามที่พัฒนามาจาก Bergen Work Addiction Scale  วิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยจากงาน และปัจจัยด้านจิตสังคม ซึ่งใช้แบบสอบถามความเครียดของคนไทยจากการทำงาน โดยใช้สถิติ multiple logistic regression ผลการศึกษาพบว่า ความชุกของภาวะติดงานในกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 32.2 และ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับภาวะติดงาน ได้แก่ ช่วงอายุ 31-40 ปี [OR = 2.65 (95% CI = 1.46-4.83)] ช่วงอายุ มากกว่า 40 ปี [OR =  3.42 (95% CI = 1.77-6.60) เมื่อเทียบกับช่วงอายุ 21-30 ปี ภาระครอบครัวน้อย [OR = 2.14 (95% CI = 1.33-3.44)]  ออกกำลังกายเป็นครั้งคราว [OR = 0.31 (95% CI = 0.19-0.52)]  ตำแหน่งงานผู้บริหาร [OR = 3.85 (95% CI = 1.62-9.14)] จำนวนชั่วโมงในการปฏิบัติงานที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ชั่วโมง [OR =  1.38 (95% CI = 1.19-1.61)]  อิสระในการตัดสินใจสูง [OR = 3.01 (95% CI = 1.70-5.33)] ข้อเรียกร้องจากงานทางด้านจิตใจสูง [OR = 2.91 (95% CI = 1.73-4.88)] และแรงสนับสนุนทางสังคมในที่ทำงานสูง [OR = 3.68 (95% CI = 1.69-8.02)] โดยสรุปพบว่าความชุกของภาวะติดงานในการสำรวจครั้งนี้ค่อนข้างสูง ดังนั้น ควรมีการคัดกรองค้นหาผู้ที่มีความเสี่ยง และควรดำเนินการวางแนวทางในการป้องกันภาวะติดงาน เช่น มีการประเมินความสุขในที่ทำงานเป็นระยะ และประเมินว่าปริมาณงานที่ทำว่ามากเกินไปหรือไม่ ตลอดจน มีกิจกรรมที่ผ่อนคลายระหว่างช่วงพัก เช่น การออกกำลังกาย
Other Abstract: Work addiction has become an important and compelling topic for empirical research. However, there has been no comprehensive study about prevalence and associated factors of work addiction in Thailand.  The purpose of this  study was to determine prevalence and associated factors of work addiction. The study contained 553 nurses of King Chulalongkorn  Memorial Hospital, and work addiction was assessed by a questionnaire adapted from Bergen Work Addiction Scale. Associated factors, including personal factors, work factors, and psychosocial factors from the Thai Job Content Questionnaire, were analyzed using multiple logistic regression. Our results indicated that approximately 1/3 of the population suffered from work addition.  Work addiction correlated with age 31-40 years [OR = 2.65 (95% CI = 1.46-4.83)]  and more than 40 years [OR =  3.42 (95% CI = 1.77-6.60)] compared with age 21-30 years, manager position [OR = 3.85 (95% CI = 1.62-9.14)], low family burden [OR = 2.14 (95% CI = 1.33-3.44)], exercise sometimes [OR = 0.31 (95% CI = 0.19-0.52)]  , every increase of 10 work-hours [OR =  1.38 (95% CI = 1.19-1.61)], high job control [OR = 3.01 (95% CI = 1.70-5.33)], high psychological demand [OR = 2.91 (95% CI = 1.73-4.88)], and high social support [OR = 3.68 (95% CI = 1.69-8.02)] In conclusion, the prevalence of work addiction in this survey was. Screening and identifying the at-risk population as well as the prevention plan such as taking happiness assessment in workplace and doing recreational activities while taking a break should be implemented to help prevent work addiction.
Description: วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2561
Degree Name: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: การวิจัยและการจัดการด้านสุขภาพ
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60775
URI: http://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2018.707
metadata.dc.identifier.DOI: 10.58837/CHULA.THE.2018.707
Type: Thesis
Appears in Collections:Med - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
6074082330.pdf2.89 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.