การชักนำให้เกิดมิวเตชันในรา Monascus purpureus ด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต

Abstract

เปรียบเทียบการเจริญเติบโตของเชื้อรา Monascus purpureus สามสายพันธุ์ ในอาหารเลี้ยงเชื้อสองสูตร คือ yeast extract malt (YM) และ yeast extract malt + cassava srarch (YMC) พบว่า เชื้อราทั้งสามสายพันธุ์นี้มีอัตราการเจริญเติบโตไม่แตกต่างกันอย่างชัดเจน และจากการเปรียบเทียบความสามารถในการผลิตสารสีแดงของเชื้อราทั้งสามสายพันธุ์พบว่า สายพันธุ์ที่ 1 สามารถสร้างสารสีแดงได้มากกว่าสายพันธุ์ที่ 3 ส่วนสายพันธุ์ที่ 2 ไม่สามารถสร้างสารสีแดงได้เลยในสภาวะแวดล้อมที่เลี้ยง ซึ่งได้ผลเช่นเดียวกันในอาหารเหลวทั้งสองสูตร และสายพันธุ์ที่ 1 ซึ่งสร้างสารสีแดงมากที่สุดในอาหารเหลวสูตร YMC มากกว่าในอาหารสูตร YM และพบว่าเชื้อราที่สร้างสารสีแดงทั้ง 2 สายพันธุ์สร้างสารสีแดงในอาหารเหลวสูตร YMC ได้สูงกว่าในสูตร YM การชักนำให้เกิดมิวเตชันในเชื้อรา Monascus purpureus สายพันธุ์ 1 โดยใช้รังสีอัลตราไวโอเลตที่ช่วงเวลาต่างๆ คือ 0 นาที, 2 นาที, 3 นาที, 5 นาที, 10 นาที, 15 นาที, 20 นาที, 30 นาที และ 60 นาที สามารถแยกเชื้อรา Mutant ได้ทั้งหมด 5 สายพันธุ์ คือ CU21 และ CU22 แยกได้จากการฉายรังสีอัลตราไวโอเลตที่ช่วงเวลา 2 นาที CU31 แยกได้จากการฉายรังสีอัลตราไวโอเลตที่ช่วงเวลา 3 นาที CU51 แยกได้จากการฉายรังสีอัลตราไวโอเลตที่ช่วงเวลา 5 นาที และ CU101 แยกได้จากการฉายรังสีอัลตราไวโอเลตที่ช่วงเวลา 10 นาที ซึ่ง Mutant ทั้งหมดที่ได้ มีการสร้างคลิสโททีเซียหนาแน่นขึ้น สีเข้มขึ้น แต่มีการสร้างโคนิเดียน้อยลง เส้นใยมีลักษณะยาวเล็ก นอกจากนี้ยังพบว่า เชื้อรา Mutant CU21, CU22, CU31, CU51 และ CU101 มีการเจริญเพิ่มขึ้น มีการผลิตสารสีแดงและสารสีเหลืองเพิ่มขึ้นโดยการวัดค่า optical density ของสารสีแดงและสีเหลืองที่ความยาวคลื่น 500 และ 400 นาโนเมตร ตามลำดับ ยกเว้นเชื้อรา Mutant CU21 ที่มีการผลิตสารสีแดงและสารสีเหลืองลดลง