Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/10299
Title: การงดบริจาคโลหิตด้วยตนเองในผู้บริจาคโลหิต ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
Other Titles: The self deferral among blood donors in National Blood Centre, Thai Red Cross Society
Authors: กฤษณ์ติวัฒน์ ฉัตรทอง
Advisors: องอาจ วิพุธศิริ
สมรัตน์ เลิศมหาฤทธิ์
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย
Advisor's Email: ไม่มีข้อมูล
[email protected], [email protected]
Subjects: ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ
ผู้บริจาคโลหิต
เลือด
Issue Date: 2540
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: กระบวนการให้คำปรึกษาก่อนการบริจาคโลหิตนั้น เป็นกระบวนการที่สำคัญกระบวนการหนึ่งในการคัดกรองผู้บริจาคโลหิต เพื่อให้ผู้บริจาคโลหิตได้พิจารณาตนเองว่า โลหิตที่บริจาคมีความปลอดภัยและมีคุณภาพ สามารถนำไปใช้ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย การศึกษาการงดบริจาคโลหิตในผู้บริจาคโลหิตนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงอัตราการงดบริจาคโลหิตของผู้บริจาคโลหิต และสาเหตุของการงดบริจาคโลหิต การสำรวจโดยใช้แบบสอบถามกับผู้บริจาคโลหิตที่บริจาคโลหิต ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน 2540 ถึงเดือนมกราคม 2541 จำนวน 4,170 คน ผลการศึกษาพบว่า อัตราการงดบริจาคโลหิต 15.3% โดยอัตราการงดบริจาคโลหิตในผู้บริจาคโลหิตรายใหม่ 26.6% ในผู้บริจาครายเก่า 3.3% ในเพศหญิง 19.5% ในเพศชาย 11.1% ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา 20.3% กลุ่มสถานภาพสมรสหม้าย 23.7% และคนโสด 15.0% ในวันราชการ 18.3% ในวันหยุดราชการ 10.2% ในการงดบริจาคโลหิต เป็นการงดบริจาคโลหิตด้วยตนเอง 8.9% และการงดบริจาคโลหิตโดยเจ้าหน้าที่แนะนำ 6.2% โดยการงดบริจาคโลหิตชนิดถาวร 14.1% และชนิดชั่วคราว 1.0% การงดบริจาคโลหิตในผู้บริจาคโลหิตรายใหม่กับผู้บริจาคโลหิตรายเก่า การงดบริจาคโลหิตในวันราชการกับวันหยุดราชการ การงดบริจาคโลหิตโดยผู้บริจาคโลหิตกับโดยเจ้าหน้าที่แนะนำ และการงดบริจาคโลหิตชนิดถาวรกับชนิดชั่วคราว มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.01) โดยที่สาเหตุของการงดบริจาคโลหิตที่พบมากที่สุดคือ ความเข้มข้นของโลหิตต่ำ (36.6%) การรับประทานยาปฏิชีวนะ (19.2%) และการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ที่ไม่ใช่สามีหรือภรรยาโดยไม่สวมถุงยางอนามัย ภายในเวลา 3 เดือน (5.3%)
Other Abstract: Pre-donation counselling process is an important process for screening of blood donors. The donors can consider whether their blood are safe and have quality for patients to be used. The objective of this study was to determine the self deferral rate and causes among blood donors. A survey of blood donors was conducted by using questionnaires with 4,170 blood donors during November 1996 to January 1997 at the National Blood Centre. The result of study demonstrated that the deferral rate was 15.3% in which among new blood donors were 26.6%, regular donors were 3.3%, female were 19.5%, male were 11.1%, students were 20.3%, widows were 23.7% and singles were 15.0%, weekday donors were 18.3% and weekend donors were 10.2%, The self deferral rate was 8.9% and the deferral rate by health workers were 6.2%. For pemanent deferrals were 14.1% and temporary deferrals were 1.0%. The study showed the significant statistical differences between the deferral rate of new donors and regular donors; weekday donors and weekend donors; self deferral donors and deferral donors by health workors; permanent and temporary deferral (p<0.01). The major causes of deferral were low hemoglobin (36.6%), antibiotic being used (19.2%) and unsafe sex within 3 month (5.3%).
Description: วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2540
Degree Name: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: เวชศาสตร์ชุมชน
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/10299
ISBN: 9746380869
Type: Thesis
Appears in Collections:Grad - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Kristiwat_Ch_front.pdf1.22 MBAdobe PDFView/Open
Kristiwat_Ch_ch1.pdf884.58 kBAdobe PDFView/Open
Kristiwat_Ch_ch2.pdf1.64 MBAdobe PDFView/Open
Kristiwat_Ch_ch3.pdf829.71 kBAdobe PDFView/Open
Kristiwat_Ch_ch4.pdf1.66 MBAdobe PDFView/Open
Kristiwat_Ch_ch5.pdf1.35 MBAdobe PDFView/Open
Kristiwat_Ch_back.pdf1.08 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.