Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/13963
Title: การศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของผู้ป่วยเอดส์ ที่ได้รับยาต้านไวรัสเอดส์
Other Titles: Factors related to risk sexual behavior among AIDS patients recieving antiretroviral therapy
Authors: วรยศ ผลแก้ว
Advisors: เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม
อุษณีย์ พึ่งปาน
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย
Advisor's Email: [email protected]
[email protected]
Subjects: โรคเอดส์ -- ผู้ป่วย -- พฤติกรรมทางเพศ
ผู้ติดเชื้อเอชไอวี -- พฤติกรรมทางเพศ
สารต้านไวรัสเอดส์
Issue Date: 2549
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: ศึกษาพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่กำลังรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคลีนิคนิรนาม สภากาชาดไทย รวบรวมตัวอย่างโดยคัดเลือกเฉพาะผู้ที่สมัครใจในช่วงเวลา 3 เดือน ข้อมูลได้จากการสัมภาษณ์ และจากบันทึกประวัติประจำตัวผู้ป่วย การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา และหาความสัมพันธ์โดยใช้ไคสแควร์ ทีเทสต์ และวิเคราะห์ความถดถอยโลจิสติก ผลการศึกษาพบว่า มีจำนวนอาสาสมัครทั้งสิ้น 588 ราย เป็นเพศชาย 59.2% มีอายุเฉลี่ย (mean +- S.D.) 39.2 +- 7.9 ปี ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์มาเป็นระยะเวลาเฉลี่ย 4.8 +- 2.8 ปี มีค่าเฉลี่ยของจำนวนเม็ดเลือดขาวซีดี-4 (CD4) เท่ากับ 483.0 +- 240.5 cell/microL และ มีค่าเฉลี่ยปริมาณเชื้อ (viral load) เท่ากับ 3,047 +- 15,321 copies/ml ซึ่งอาสาสมัคร 82.6% มีค่า viral load น้อยกว่า 50 copies/ml และ 15.6% ของอาสาสมัครมีการดื้อยาต้านไวรัสเอดส์ ในเรื่องของพฤติกรรมทางเพศ กลุ่มตัวอย่าง 83.2% มีรสนิยมทางเพศแบบชอบเพศตรงข้าม 13.4% ชอบเพศเดียวกัน และ 3.4% ชอบทั้งสองเพศ โดยพบว่า 68.4% มีเพศสัมพันธ์ใน 6 เดือนที่ผ่านมา และครึ่งหนึ่งรายงานว่ามีเพศสัมพันธ์ 1-2 ครั้งต่อเดือน โดยมีเพศสัมพันธ์กับคู่สมรสปัจจุบัน 53.2% โดยรวมมีอาสาสมัคร 66.9% เท่านั้นที่ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ทุกช่องทาง (ทางช่องคลอด ทวารหนัก ปาก) การวิเคราะห์แบบ Univariate พบว่ามี 8 ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย (ซึ่งหมายถึงการไม่ใช้ถุงยางอนามัย เมื่อมีเพศสัมพันธ์) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ ผู้ที่มีสถานภาพสมรส มีรสนิยมทางเพศที่ชอบเพศเดียวกัน การมีเพศสัมพันธ์กับคู่ครอง การมีเพศสัมพันธ์บุคคลที่ไม่รู้จัก การมีเพศสัมพันธ์คู่ขาประจำเพศเดียวกัน การมีเพศสัมพันธ์กับคนรักหรือเพื่อนสนิท จำนวนคู่นอนที่มีเพศสัมพันธ์ และการมีอาการที่สงสัย หรือป่วยเป็นกามโรค (p<0.01) อย่างไรก็ตามจากผลวิเคราะห์ความถดถอยโลจิสติก พบว่า มีเพียง 4 ปัจจัยเท่านั้นที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ (1). ผู้ป่วยเอดส์ ที่มีรสนิยมทางเพศ ที่ชอบเพศเดียวกัน มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 3.23 เท่า (OR=3.23, 95% CI= 1.183-6.05, p < 0.01) (2). ผู้ป่วยเอดส์ที่มีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่รู้จัก มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 1.36 เท่า (OR= 1.36, 95% CI= 1.49-10.22, p < 0.01) (3). ผู้ป่วยเอดส์ที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่เป็นคนรัก หรือเพื่อนสนิท มีความเสี่ยงของพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัยเพิ่มขึ้น 2.01 เท่า (OR= 22.01, 95% CI= 1.13-3.58, p < 0.05) (4). ผู้ป่วยเอดส์ ที่มีอาการสงสัยหรือป่วยเป็นกามโรค ใน 6 เดือนที่ผ่านมา มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2.11 เท่า (OR=2.11, 95% CI= 1.16-3.85, p < 0.05) โดยสรุปผลจากการศึกษาในครั้งนี้ ที่พบว่า 1 ใน 3 ของอาสาสมัครมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัยใน 6 เดือนที่ผ่าน โดยมีปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องชัดเจนคือการมีรสนิยมรักเพศเดียวกัน และการมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงควรให้ความสนใจในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวนี้โดยให้คำปรึกษาอย่างจริงจัง เพื่อลดอุบัติการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ เอชไอวี และเชื้อดื้อยา
Other Abstract: This study evaluated the sexual risk behaviors of HIV-infected patients receiving antiretroviral therapy, who attended at the Immune Clinic of the King Chulalongkorn Memorial Hospital and at HIV-NAT Clinic of the Thai Red Cross AIDS Research Centre, Bangkok, Thailand. Patients were volunteering selected with purposive sampling. Sexual behavior related information was collected by questionnaire, whereas clinical information was collected from their medical records. The data were analyzed by descriptive statistics, Chi-square test, T-test and Logistic regression. During three-month period of the study, a total of 588 patients were enrolled, with 59.2% males, mean +- SD aged 39.2+-7.9 years. Other major characteristics (means+-SD) include: duration of antiretroviral therapy 4.8+-2.8 years, CD4+ cell count 483.0+-240.5 cell/microL, viral load 3,046+-15,320 copies/ml. 82% had undetectable viral load (lower than 50 copies/ml). There was 15.6% had treatment failure. Sexual orientation was heterosexual, homosexual and bisexual 83.2%, 13.4% and 3.4%, respectively. From univariate analyses, there were 8 factors associated with sexual risk behavior (as defined by "reported have had sex without condom use in the past 6 months") which include: sexual orientation, married, men who have sex with men (MSM), fixed sex partners, casual sex partners, have more than one sex partner in last 6 months, visited commercial sex workers (CSWs), or probable/diagnosed of sexually transmitted diseases (STDs) within the last 6 months (p value <0.01). Multivariate analysis, however, has shown that there are only 4 factors were significantly associated with sexual risk behavior i.e., MSM (OR=3.23, 95%CI= 1.183-6.05, p < 0.001), have sex with casual (OR= 1.36, 95%CI= 1.49-10.22, p < 0.01) or fixed partner (OR= 22.01, 95%CI= 1.13-3.58, p < 0.05) and reported of STDs in last 6 months (OR=2.11, 95% CI= 1.16-3.85, p < 0.05). In conclusions, we found that among HIV-infected patients receiving antiretroviral therapy about two-third reported active sexual life and more importantly one-third of them practiced unsafe sex. MSM and reported STDs in last 6 months were the key predictors of high risk behavior which is "having sex without condom use". More effective counseling in these high risk subgroups is therefore crucial to prevent HIV transmission particularly of antiretroviral drug resistance viruses.
Description: วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2549
Degree Name: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: เพศศาสตร์
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/13963
URI: http://doi.org/10.14457/CU.the.2006.904
metadata.dc.identifier.DOI: 10.14457/CU.the.2006.904
Type: Thesis
Appears in Collections:Grad - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Worayot_Ph.pdf1.37 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.