Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/22660
Title: | การปรับตัวของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย ขนาดกลาง-ย่อม ในเขตกรุงเทพมหานคร |
Other Titles: | Business strategies applied by real estate small and medium entrepeneurs in Bangkok |
Authors: | รุ่งธรรม เกียรติศรีชาติ |
Advisors: | ไตรรัตน์ จารุทัศน์ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ |
Advisor's Email: | [email protected] |
Subjects: | ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ -- ไทย -- กรุงเทพฯ ธุรกิจขนาดย่อม -- ไทย -- กรุงเทพฯ |
Issue Date: | 2554 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาธุรกิจขนาดกลาง-ย่อมซึ่งเป็นแหล่งงานใหญ่ของประเทศในภาพรวมมีสัดส่วนในการสร้างรายได้ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในทางเดียวกันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ก็มีการจดเลิกกิจการในจำนวนที่มาก จึงมีความสำคัญที่จะศึกษากลยุทธ์และการปรับตัวของผู้ประกอบการที่ยังสามารถพัฒนาอยู่ได้อย่างยั่งยืน โดยในการวิจัยการปรับตัวของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย ขนาดกลาง-ย่อม ในเขตกรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์คือ (1) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง-ย่อม (2) ศึกษาปัจจัยและแรงกดดันที่ก่อให้เกิดการปรับตัวทางธุรกิจ (3) ศึกษากลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการเลือกใช้ในการปรับธุรกิจ (4) ศึกษากระบวนการและขั้นตอนในการปรับตัวทางธุรกิจ โดยมีขอบเขตงานวิจัย คือ ผู้ประกอบการขนาดกลาง ที่มียอดขาย 300-500 ล้านบาทและผู้ประกอบการขนาดย่อมที่มียอดขาย 100-300 ล้านบาท โดยเป็นบริษัทที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และสินค้าที่พัฒนาอยู่ในเขตที่มีการเติบโตด้านที่อยู่อาศัย โดยมีขอบเขตที่ศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549-2554 ใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 6 ราย จากผลการศึกษาพบว่าผู้ประกอบการประสบปัญหาด้านความสามารถในการขยายตลาดมากที่สุด รองลงมาคือด้านเงินทุนและแรงงาน ส่วนแรงกดดันสำคัญที่ทำให้ต้องมีการปรับตัวคือปัจจัยด้านการตลาด ทั้งจากอุปสงค์(ลูกค้า) ทั้งด้านอำนาจต่อรองและกำลังซื้อ และอุปทาน(คู่แข่ง) โดยเฉพาะแรงกดดันจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ยังพบว่ากลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการเลือกใช้ในการดำเนินธุรกิจจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับปัญหาและแรงกดดัน โดยจะเลือกใช้กลยุทธ์การตลาด ทั้งการพัฒนาสินค้าที่เชี่ยวชาญและการสร้างความแตกต่างของสินค้าเป็นกลยุทธ์หลักเพื่อแข่งขันกับรายใหญ่และเป็นการแก้ปัญหาเงินทุนและความสามารถในการการขยายตลาดได้ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการบริหารและปรับองค์กรภายในให้มีประสิทธิภาพเพื่อจัดการกับเรื่องแรงงานระดับบริหาร รวมไปจนถึงการบริหารเงินสดเพื่อลดเงินทุน และการควบคุมงานก่อสร้างอย่างมีคุณภาพ ทางหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อีกทางเพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าในระยะยาว ในด้านกระบวนการปรับตัวผู้ประกอบการมีการเสนอแนะขั้นตอน วิสัยทัศน์-กำหนดแผน เพิ่มเติมจาก ตระหนัก-ทบทวน-พัฒนา-ต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ายังไม่มีการบันทึกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรแต่ก็มีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ข้อเสนอแนะจากงานวิจัยคือผู้ประกอบการขนาดกลาง-ย่อม ในด้านการตลาดควรพัฒนาโครงการและทำเลที่มีความเชี่ยวชาญและอาศัยความใกล้ชิดของเจ้าของในการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อลูกค้า โดยการอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะและการพึ่งพาด้านเงินทุนของตนเองเป็นหลักควบคู่กับการวางแผนการชำระหนี้แหล่งเงินทุนจากสถาบันอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งจัดการบริหารงานภายในให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดโดยการมีส่วนร่วมอย่างเข้าใจถ่องแท้ของผู้บริหารประกอบกับการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกในงานที่องค์กรไม่ถนัด และต้องมีความเข้าใจถึงจุดแข็ง-จุดอ่อนขององค์กรตนเองและคู่แข่งที่เป็นองค์กรใหญ่และพัฒนากลยุทธ์เพื่อแก้ไขปัญหาจากการวิเคราะห์นั้นอย่างสัมพันธ์กัน ทั้งนี้ในการดำเนินธุรกิจขนาดกลาง-ย่อมต้องมีความรอบคอบมากเป็นพิเศษ เนื่องจากธุรกิจขนาดกลาง-ย่อมไม่สามารถรับความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดได้มากนัก |
Other Abstract: | In the past 5 years, the contribution to GDP of small and medium enterprises (SMEs) which are major job providers in Thailand has declined steadily. Likewise, a number of real estate developers have gone out of business. Therefore, it is important to study and understand the business strategies applied by the SME entrepreneurs in the industry who have been able to succeed and prosper in such competitive market condition. The objectives of the study were (1) To study the problems and limitations in operating small and medium real estate development businesses; (2) To determine the main business pressures that lead to the change in the business; (3) To study the business strategies applied by successful SMEs; (4) To define which procedure are useful in adapting various business strategies. The study participants were divided into 2 groups- small and medium size businesses as determined by their sales revenue. Those in the small business category had sales below 300 million baht while medium size business had sales of 300-500 million baht. Three samples from each category were selected specifically by criteria based on the marketing information, sales records and specialists. The study was conducted from 2006-2011.The study revealed that SMEs experienced most difficulty in market expansion, financing, and labor issues respectively. External factors that lead businesses to change derive from issues concerning customers and competitors in the business which are mainly large scale companies. Financing and labor costs are significant factors impacting these businesses. SMEs have adopted strategies to deal with problems as well as external forces. The main strategies employed by real estate entrepreneurs can be divided into three categories. First, marketing related strategies; SMEs tend to develop projects in which they have both market and product expertise. Secondly, small and medium entrepreneurs focus on efficiency in management practices in order to limit organization size by outsourcing jobs which are less important or for which they have less expertise. They also apply internal marketing strategies. Thirdly, in terms of finance, SMEs use their own equity as the main source of financing, while developing a reliable debt payment plan in order to gain credits from financial institutions. The program to apply these strategies follows a VISION-PLAN-REALIZE-REVISE-IMPROVE-CONTINUE procedure.In order to succeed in the market, small and medium businesses must develop products and locations that they understand in close conjunction with customers in order to foster good client relationships. Moreover, SMEs must rely mostly on their own financial resources together with partial loans from institutions. Also, owners, as leaders of the organization, must develop their insights and pursue them consistently by expanding their knowledge of the market and their products, and by improving financial management plans and organizational efficiency to maintain the company’s viability. Finally, SMEs must develop marketing strategies which consider their own and competitors’ strengths and weaknesses to respond dynamically to market conditions. This will help them avoid the extreme risk which is so harmful to SMEs. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (คพ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2554 |
Degree Name: | เคหพัฒนศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/22660 |
URI: | http://doi.org/10.14457/CU.the.2011.904 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.14457/CU.the.2011.904 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Arch - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
rungtum_ki.pdf | 3.2 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.