Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/37591
Title: | ผลของการดูดซับสารสกัดผลหม่อนบนอนุภาคไมโครอัลจิเนตต่อความคงตัวของสารแอนโธไซยานินที่อุณหภูมิสูง |
Other Titles: | Effect of absorbtion on alginate microsphere of mulberry fruits extracts on stability of anthocyanin contents at high temperature |
Authors: | รุ่งนภา แย้มเดช |
Advisors: | โศรดา กนกพานนท์ พรอนงค์ อร่ามวิทย์ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะวิศวกรรมศาสตร์ |
Advisor's Email: | [email protected] [email protected] |
Subjects: | แอนโทไซยานินส์ หม่อน สารสกัดจากพืช Anthocyanins Mulberry Plant extracts |
Issue Date: | 2555 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | การศึกษาลักษณะสมบัติของสารสกัดผลหม่อนสดและผลหม่อนทำแห้งแบบเยือกแข็งจากแหล่งปลูก 2 แหล่งคือ จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดนครราชสีมา พบว่าสารสกัดผลหม่อนจากทั้ง 2 แหล่ง มีค่าร้อยละของน้ำหนักแห้ง และปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำทั้งหมด ปริมาณกรดที่ไทเทรตได้ น้ำตาลรีดิวซ์ ค่าพีเอช และสี แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ปริมาณแอนโธไซยานินในสารสกัดผลหม่อนจากนครราชสีมาสูงกว่าเพชรบูรณ์เท่ากับ 14.35±0.43 มิลลิกรัมต่อกรัมน้ำหนักแห้ง และมีฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระมากกว่าโดยมีค่า IC50 เท่ากับ 0.23±0.01 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ผลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ต้นกําเนิดไขกระดูกที่แยกจากหนูวิสต้า พบว่าการเลี้ยงเซลล์ด้วยอาหารผสมแอนโธไซยานินบริสุทธิ์ในรูปสารไซยานิดิน-3-กลูโคไซด์ (C3G) ปริมาณ 50 และ 100 ไมโครโมลลาร์ สามารถเพิ่มกิจกรรมเอนไซม์อัลคาไลน์ฟอสฟาเตส (ALP) และการสะสมแคลเซียมของเซลล์ให้สูงขึ้น แต่การใช้สารสกัดจากผลหม่อนในปริมาณที่มีแอนโธไซยานินเท่ากันกลับมีผลในการลดกิจกรรมของเอนไซม์ ALP และการสะสมของแคลเซียมอย่างมีนัยสำคัญ และในผลการศึกษาความคงตัวของแอนโธไซยานินในสารสกัดผลหม่อนที่ถูกดูดซับบนอนุภาคไมโคร อัลจิเนตขนาดเม็ดอัลจิเนตเปียกขนาด 415.63±13.09 ไมโครเมตร สามารถกักเก็บแอนโธไซยานินได้ 17.08±0.25 มิลลิกรัมต่อกรัมไมโครอัลจิเนต เมื่อผ่านการให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 70 และ 100 องศาเซลเซียส ปริมาณแอนโธไซยานินในอนุภาคไมโครอัลจิเนตลดเหลือร้อยละ 92 และ 24 ซึ่งมีความคงตัวกว่าในสารสกัดที่ไม่ได้ถูกดูดซับ ในสภาวะการฆ่าเชื้อแบบสเตอริไรส์ทำให้ แอนโธไซยานินในอนุภาคไมโครอัลจิเนตมีความคงตัวสูงขึ้น การดูดซับแอนโธไซยานินจากสารสกัดหม่อนในอนุภาคไมโครอัลจิเนตช่วยเพิ่มความคงตัวของแอนโธไซยานินที่อุณหภูมิสูงได้ |
Other Abstract: | This study characterized the water extracts of mulberry fruits and freeze dried friuts from two cultivation areas in Thailand, Phetchabun (PB) and Nakhonratchasima (NK) province. Total solid weight, total soluble solid (% Brix), tritratable acidities, reducing sugar, pHs and color were significantly different. The NK mulberry fresh fruit extracts had higher anthocyanin contents than those from PB. The anthocyanins contents were highest at 14.35±0.43 mg/gDW with free radical scavenging activity with IC50 of 0.23±0.01 mg/ml. The effect of anthocyanin (cyanindin-3-glucoside, C3G) on rat’s bone marrow derived-mesenchymal stem cells (MSCs) was investigated in vitro. MSCs culture with growth media mixed with C3G at 50 and 100 micromoles were found to enhance the alkaline phosphatase (ALP) activities and calcium deposition of MSCs, while using the mulberry extract reduced these signs of osteogenic differentiation at the same conditions. The stability of anthocyanins adsorbed on alginate microspheres, with average bead sizes at 415.63±13.09 µm were studied. Anthocyanins loading on alginate microspheres were at 17.08±0.25 mg/g dry weight. At 70 and 100 oC, anthocyanins retention were at 92%wt and 24%wt, respectively. Microspheres increased the anthocyanins stability at sterilized condition. Absorption of anthocyanins from mulberry fruit extracts on alginate microspheres enhanced their stability at high temperature. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (วศ.ม.) --จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2555 |
Degree Name: | วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | วิศวกรรมเคมี |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/37591 |
URI: | http://doi.org/10.14457/CU.the.2012.1158 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.14457/CU.the.2012.1158 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Eng - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
rungnapha_ya.pdf | 6.24 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.