Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/43563
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorบุษกร บิณฑสันต์en_US
dc.contributor.authorอาทิตย์ ผ่อนร้อนen_US
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะศิลปกรรมศาสตร์en_US
dc.date.accessioned2015-06-24T06:39:26Z
dc.date.available2015-06-24T06:39:26Z
dc.date.issued2556en_US
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/43563
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2556en_US
dc.description.abstractวิทยานิพนธ์เรื่อง “กลวิธีการเดี่ยวฆ้องมอญวงใหญ่เพลงกราวในทางครูสอน วงฆ้อง” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาที่มาของเดี่ยวฆ้องมอญวงใหญ่ทางครูสอน วงฆ้อง และเพื่อศึกษาอัตลักษณ์ของทำนองและกลวิธีในการบรรเลงเดี่ยวฆ้องมอญวงใหญ่เพลงกราวใน เดี่ยวฆ้องมอญวงใหญ่ทางครูสอน วงฆ้อง มีที่มาจากการประชันวงปี่พาทย์มอญที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาระหว่างสำนักของบ้านบางลำพูกับสำนักของกำนันแสวง บ้านคลัง บ้านบางลำพูจึงได้เตรียมเดี่ยวฆ้องมอญวงใหญ่ โดยมอบให้ครูสอน วงฆ้อง มาทำทางเดี่ยวฆ้องมอญวงใหญ่เพลงกราวใน และได้ถ่ายทอดให้กับครูสมชาย ดุริยประณีต การดำเนินทำนองของทำนองเดี่ยวฆ้องมอญวงใหญ่เพลงกราวใน พบว่าทำนองเดี่ยวมีจำนวน ๘ กลุ่ม ๖ เสียงลูกโยน ดำเนินทำนองอยู่ในกลุ่มเสียงปัญจมูล ด ร ม x ซ ล x ตรงกับทางเพียงออบน ร ม ฟ x ล ท x ตรงกับทางนอก และ ซ ล ท x ร ม x ตรงกับทางเพียงออล่าง พบการใช้กลวิธีการประคบ การสะบัดขึ้น การสะบัดลง การสะบัดเฉี่ยว การขยี้ การสะบัด ๒ เสียง การกวาดขึ้น การกวาดลง การกรอ การสะเดาะ และการไขว้ การดำเนินทำนองอาศัยเค้าโครงของทำนองหลักอย่างหนึ่ง และดำเนินทำนองอย่างอิสระที่ยึดเฉพาะเสียงลูกโยนอย่างหนึ่ง ความพิเศษเฉพาะที่เป็นอัตลักษณ์ในการดำเนินทำนอง ได้แก่ การสะบัดข้ามเสียงจะเกิดขึ้นในการดำเนินทำนองของกลุ่มเสียงปัญจมูล ด ร ม x ซ ล x และกลุ่มเสียงปัญจมูล ซ ล ท x ร ม x ไม่ปรากฏในกลุ่มเสียงปัญจมูล ร ม ฟ x ล ท x การตีคู่ที่ไม่ใช่คู่จริงแต่ได้เสียงจริงจะเกิดขึ้นในช่วงเสียงที่มีหลุมเสียง การเคลื่อนที่ของทำนองที่ผันแปรไปทางสูง ไม่ปรากฏการใช้กลวิธีการไขว้มือในกลุ่มเสียงปัญจมูล ร ม ฟ x ล ท x ทำนองที่มีเสียงฟารวมอยู่ด้วยจะต้องตีในทางสูงเท่านั้น ไม่ปรากฏการตีเสียงฟาเป็นคู่ ๘ การตีเสียงเรียง ๔ พยางค์ติดกันที่มีเสียงฟา และเสียงทีรวมอยู่ด้วยจะตีในทางเสียงสูงเท่านั้นen_US
dc.description.abstractalternativeThe study of Technique of Kong Mon Wong Yai in Ground Nai solo of Kru Sorn Wongkong focuses on the origin and the solo techniques of Kru Sorn Wongkong’s Kong Mon Wong Yai solo. Kru Sorn Wongkong’s Kong Mon Wong Yai solo was composed by Kru Sorn Wongkong after the Pi Phat Mon duel between Bahn Bang Lamphu and Kamnan Swang Bahn Klang ensembles which took place in Ayutthaya province. At that time the Bahn Bang Lamphu ensemble could not be able to perform Kong Mon Wong Yai solo therefore Kru Sorn has composed this solo for them. The Ground Nai in Kong Mon Wong Yai solo comprises of 8 groups of melodies. There are 6 Yons in different pentatonic scales. The most found scales are C D E x G A x in Thang Pheang Or Bon; D E F x A B x in Thang Nork and G A B x D E x in Thang Pheang Or Lang. There are various techniques found such as Prakob, Sabat Kheon, Sabat Long, Sabat Chiew, Kayii, Sabat Song Sieng, Kwad Khuen, Kwad Long, Kro, Sadoa, Kwai. The combination of basic melody and advanced solo techniques such as Sabat Kam Sieng and Kwai Meo are applied. Sabat Kam Sieng is used in C D E x G A x and G A B x D E x but not in D E F x A B x scales. An artificial interval is used in the skipped tone. There are no Kwai technique found in the high tone in D E F X A B x. The melody which consists of F is also used in the high pitch but the F can not be performed in octave. The 4 consistent melody contains the F can only used in the high pitch area.en_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.relation.urihttp://doi.org/10.14457/CU.the.2013.1039-
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.subjectฆ้องวง
dc.subjectวงดนตรีไทย
dc.titleกลวิธีการเดี่ยวฆ้องมอญวงใหญ่เพลงกราวในทางครูสอน วงฆ้องen_US
dc.title.alternativeTECHNIQUE OF KONG MON WONG YAI IN GROUND NAI SOLO OF KRU SORN WONGKONGen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameศิลปศาสตรมหาบัณฑิตen_US
dc.degree.levelปริญญาโทen_US
dc.degree.disciplineดุริยางค์ไทยen_US
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.email.advisor[email protected]en_US
dc.identifier.DOI10.14457/CU.the.2013.1039-
Appears in Collections:Fine Arts - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
5586745035.pdf14.7 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.