Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/58888
Title: | พฤติกรรมการละเมิ ดกฎหมายควบคุมความเร็วของผู้ใช้ทางพิเศษ : กรณีศึกษาทางพิเศษขั้นที่ 2 |
Other Titles: | The behavior in breaking speeding law of expressway drivers : a case study of expressway division 2 |
Authors: | มนสิช ชุนดี |
Advisors: | นิเทศ ตินณะกุล |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะรัฐศาสตร์ |
Advisor's Email: | [email protected] |
Subjects: | อัตราความเร็วรถยนต์ที่กำหนด ความเร็วทางการจราจร กฎจราจร ทางด่วน การขับรถยนต์บนทางด่วน Speed limits Traffic speed Traffic regulations Express highways Automobile driving on highways |
Issue Date: | 2551 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | การศึกษาเรื่อง “พฤติกรรมการละเมิดกฎหมายควบคุมความเร็วของผู้ใช้ทางพิเศษ” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามุมมองของผู้ใช้ทางพิเศษถึงสาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการฝ่าฝืนกฎหมายควบคุมความเร็ว และความเหมาะสมของกฎหมายควบคุมความเร็ว โดยทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างผู้ขับขี่ที่ขับรถยนต์โดยใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนดบนทางพิเศษและถูกจับกุม จำนวน 391 คน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative) ด้วยการเก็บแบบสอบถาม และเชิงคุณภาพ (Qualitative)ด้วยการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก(In-depth Interview)กลุ่มตัวอย่าง 9 กรณีศึกษา ผลการศึกษาพบว่า ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 261 คน คิดเป็นร้อยละ 66.8 และเป็นเพศหญิง จำนวน 130 คน คิดเป็นร้อยละ 33.2 มีอายุระหว่าง 18-25 ปี คิดเป็นร้อยละ 37.9 มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 54.7 ประกอบอาชีพรับจ้าง คิดเป็นร้อยละ 45.0 รถยนต์ที่ใช้คือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล คิดเป็นร้อยละ 70.3 ระยะเวลาการขับขี่ส่วนใหญ่ขับขี่เป็นเวลาระหว่าง 1-5 ปี คิดเป็นร้อยละ 38.6 ได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล (5ปี) คิดเป็นร้อยละ 39.6 และใช้ทางพิเศษ น้อยกว่า 10 ครั้งต่อหนึ่งสัปดาห์ คิดเป็นร้อยละ 50.6 ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่เชื่อว่า สาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการฝ่าฝืนกฎหมายควบคุมความเร็วของผู้ใช้ทางพิเศษ คือ ต้องการให้ถึงที่หมายโดยเร็ว และจากการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกพบว่า ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นว่า รถยนต์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีสมรรถนะสูงและมีระบบความปลอดภัยที่ดีพอ สามารถขับขี่ได้เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่เชื่อว่า กฎหมายควบคุมความเร็วรถยนต์ในปัจจุบันไม่เหมาะสม ล้าหลัง และต้องแก้ไข โดยเห็นควรให้แก้ไขข้อจำกัดความเร็วเป็นไม่เกิน 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเห็นว่าบทกำหนดโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท มีความเหมาะสมแล้ว แต่เห็นควรให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาเปรียบเทียบปรับตามอัตราความเร็วที่ฝ่าฝืน |
Other Abstract: | This thesis was the study of expressway drivers’ behavior in breaking speeding law. Its purpose was to determine the attitude about reasons and factors influencing the behavior in breaking speeding law among the expressway drivers and the suitable of speeding Law. The questionnaire was distributed to participants, 391 drivers whom were arrested due to drive over speed limit on expressway and in-depth interview was conducted to 9 of them. The findings were as follows: Sorting by gender, the majority were male, 261 drivers or equal to 66.8%, 130 or 33.2% were female. 37.9% aged between 18 – 25 years. About education and occupation, 54.7% had a bachelor’s degree and 45% were employees. 70.3% shown as driving personal car, 38.6% had driven from 1-5 years and 39.6% got 5-years driving license. 50.6% used the expressway less than 10 times per week. Most of the drivers believed that the reasons and factors influencing the breaking speeding law behavior were in hurry to reach the destination. Additionally, according to in-depth interview, most of them were convinced in the high performance and safety systems of the cars which were able to drive over 80 km/hr safely. The drivers believed that Speeding Law, nowadays, was not suitable, out-of-date and should be amended, to not more than 130 km/hr. Concerning a penalty, they agreed to not more than 1,000 baht fine and the suitable amount was as the officers’ decision according to the violated speed. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (สค.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2551 |
Degree Name: | สังคมวิทยามหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | สังคมวิทยา |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/58888 |
URI: | http://doi.org/10.14457/CU.the.2008.1133 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.14457/CU.the.2008.1133 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Pol - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
monnasich_ch_front.pdf | 1.27 MB | Adobe PDF | View/Open | |
monnasich_ch_ch1.pdf | 1.04 MB | Adobe PDF | View/Open | |
monnasich_ch_ch2.pdf | 3.32 MB | Adobe PDF | View/Open | |
monnasich_ch_ch3.pdf | 898.61 kB | Adobe PDF | View/Open | |
monnasich_ch_ch4.pdf | 7.19 MB | Adobe PDF | View/Open | |
monnasich_ch_ch5.pdf | 1.6 MB | Adobe PDF | View/Open | |
monnasich_ch_back.pdf | 3.42 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.