Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60587
Title: | การขาดมาตรการควบคุมบริษัทโฆษณาที่ลักลอบจัดเก็บพฤติกรรมและประวัติการเข้าเว็บไซต์ของบุคคล เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการขายโฆษณา |
Authors: | คุณาพจน์ พูลทัศฐาน |
Advisors: | ปราโมทย์ เสริมศีลธรรม |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์ |
Advisor's Email: | [email protected] |
Subjects: | การคุ้มครองผู้บริโภค -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ การจัดการโฆษณา |
Issue Date: | 2560 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | เอกัตศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยในการควบคุมบริษัทโฆษณาที่มีการลักลอบจัดเก็บพฤติกรรมและประวัติการเข้าเว็บไซต์ของบุคคลซึ่งนาข้อมูลเหล่านี้ไปใช้งานเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการขายโฆษณา เนื่องจากประเทศไทยยังขาดกฎหมายเฉพาะในเรื่องของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งปัจจุบันเป็นเพียงร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ยังไม่มีผลบังคับใช้ อีกทั้งกฎหมายอื่นที่ผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันอาจจะไม่ครอบคลุมถึงปัญหานี้ ในขณะที่ต่างประเทศนั้น มีการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะดังกล่าวแล้ว จากการศึกษาค้นพบว่าในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในขณะที่กฎหมายอื่นที่ใช้บังคับอยู่นั้นอาจจะไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมที่บริษัทโฆษณานาข้อมูลเหล่านั้นไปใช้งานเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการขายโฆษณา หากพิจารณาถึงร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ยังไม่มีผลบังคับใช้นั้น พบว่าร่างกฎหมายดังกล่าวอาจจะไม่ได้มาตรฐานตามกฎหมายของสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่ใช้บังคับอยู่ทั้งในแง่ข้อมูลที่ได้รับการคุ้มครองรวมไปถึงมาตรการการลงโทษหากมีการฝ่าฝืน ดังนั้นจึงควรมีการแก้ไขหรือปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่ผู้วิจัยได้เสนอ 6 ข้อเสนอแนะเพื่อให้มีความสอดคล้องและเป็นไปตามมาตราฐานของสภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา 1. ควรมีการแก้ไขจำกัดความของคำว่า ข้อมูลส่วนบุคคล ให้ครอบคลุมไปจนถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำงานและให้ข้อมูลพฤติกรรมและประวัติการเข้าเว็บไซต์ และให้ข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการใช้งานอินเตอร์เน็ตให้ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล 2. มีมาตรการป้องกันและแจ้งให้ทราบ หากมีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมงเช่นเดียวกับกฎหมายของสหภาพยุโรป 3. ขยายหลักดินแดนของกฎหมายนี้เพื่อให้ครอบคลุมทุกบริษัทที่มีการประมวลข้อมูลหรือเก็บข้อมูลของบุคคลไทย 4. มีมาตรการป้องกันและลงโทษนอกเหนือจากโทษปรับและโทษจำคุก 5. ใช้หลักของสภาพยุโรปเรื่องการให้ความยินยอม และอธิบายถึงการเก็บข้อมูลควรจะใช้ภาษาที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ 6. เพิ่มความชัดเจนและตระหนักรู้เรื่องโฆษณาและข้อมูลส่วนบุคคลต่อผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต |
Description: | เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560 |
Degree Name: | ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | กฎหมายเศรษฐกิจ |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60587 |
URI: | http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2017.42 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.58837/CHULA.IS.2017.42 |
Type: | Independent Study |
Appears in Collections: | Law - Independent Studies |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
598 61573 34.pdf | 988.46 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.