Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60769
Title: | ผลของแคปซูลเพกาต่อระดับแอลดีแอลคอเลสเตอรอลในผู้ป่วยที่มีระดับแอลดีแอลคอเลสเตอรอลในเลือดสูง |
Other Titles: | Effect of Paeka capsule on serum LDL-cholesterol in Thai patient with hyper-LDL cholesterolemia |
Authors: | สุภาณี สินเพิ่มสุขสกุล |
Advisors: | สมเกียรติ แสงวัฒนาโรจน์ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะแพทยศาสตร์ |
Advisor's Email: | [email protected] |
Subjects: | ภาวะโคเลสเตอรอลสูงในเลือด เพกา (พืช) Hypercholesteremia Oroxylum indicum |
Issue Date: | 2559 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | หลักการและเหตุผล แคปซูลเพกาซึ่งมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ เพกา ได้มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าสามารถลดระดับของแอลดีแอลคอเลสเตอรอลในเลือดได้ การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาผลของแคปซูลเพกาต่อระดับแอลดีแอลคอเรสเตอรอลในเลือดในผู้ป่วยที่มีระดับแอลดีแอลคอเรสเตอรอลในเลือดสูง วิธีการดำเนินวิจัย ทำการศึกษาแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมแบบปกปิดสองทาง ในผู้ป่วยจำนวน 40 คน ที่มีระดับแอลดีแอลคอเรสเตอรอลในเลือดอยู่ระหว่าง 130-190 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ผู้ป่วยจะได้รับแคปซูลเพกา หรือแคปซูลเพกาหลอก 3.6 กรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ เจาะเลือดผู้ป่วยดูระดับแอลดีแอลคอเรสเตอรอลในเลือดที่ 0 และ 6 สัปดาห์ ผลการศึกษา ผู้เข้าร่วมการศึกษา 40 คน เป็นเพศชาย 12 คน (ร้อยละ 30 ) และเพศหญิง 28 คน (ร้อยละ 70) อายุเฉลี่ย 44.78 ± 10.89 ปี ข้อมูลพื้นฐานของผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ พบว่าระดับของแอลดีแอลคอเรสเตอรอลในผู้ป่วยกลุ่มแคปซูลเพกาลดลงจาก 153.8 ± 15.9 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร เป็น 146.8 ± 23.2 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือลดลง 7.00 ± 16.79 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และในกลุ่มแคปซูลเพกาหลอกเพิ่มขึ้นจาก 157.6 ± 20.0 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร เป็น 160.2 ± 22.5 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือเพิ่มขึ้น 2.85 ± 13.82 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร การเปลี่ยนแปลงของระดับแอลดีแอลคอเรสเตอรอลในเลือดของผู้ป่วยกลุ่มแคปซูลเพกาลดลงมากกว่ากลุ่มแคปซูลเพกาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ การเปลี่ยนแปลงของระดับคอเรสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และเอชดีแอลคอเรสเตอรอลของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ รวมไปถึงผลข้างเคียงซึ่งพบว่าไม่แตกต่างกันในทั้งสองกลุ่ม สรุป การรับประทานแคปซูลเพกา 3.6 กรัมต่อวันอาจจะมีผลในการลดระดับแอลดีแอลคอเรสเตอรอลในเลือดได้ในผู้ป่วยที่มีระดับแอลดีแอลคอเรสเตอรอลในเลือดสูงโดยไม่มีผลข้างเคียงที่สำคัญ |
Other Abstract: | Background: Oroxylum indicum, the main ingredients of Paeka capsule, has been found to lower serum LDL-Cholesterol (LDL-C) level in an in-vivo study. Our study aims to determine the effect of this herbal supplement on serum LDL-C level in Thai patients with elevated LDL-C level. Methods: We conducted a randomized, double-blind, placebo controlled trial of 40 patients with serum LDL-C level between 130 – 190 mg/dL. The patients were received either Paeka capsule 3.6 g/day or identical placebo capsule. Patient characteristics, treatments and outcomes were obtained. The primary outcome was the serum LDL-C level at 6 weeks after treatment. ANCOVA, and Chi-square were used to analyze. Results: The baseline clinical parameters were comparable in both groups without statistic significant (mean age of 44.78 ± 10.89 years and 30% male). The mean serum LDL-C level changed from 153.8 ±15.9 mg/dL to 146.8±23.2 mg/dL (-7.00±16.79 mg/dL) in Paeka capsule group and from 157.6±20.0 mg/dL to 160.2±22.5 mg/dL (+2.85±13.82 mg/dL) in placebo group. The mean changes in serum LDL-C level were statistically significant difference between two groups (p<0.05). There were no significant changes in serum total cholesterol, HDL-cholesterol and triglyceride levels between groups. No significant side effects were observed in both groups. Conclusion: Taking Paeka capsule 3.6 g/day for 6 weeks reduced serum LDL-C level in patients with elevated LDL-C level without side effect. Even though the effect is small, a longer-term randomized controlled trial is needed to elucidate the clinical efficacy of this new LDL-C lowering herb. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559 |
Degree Name: | วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | อายุรศาสตร์ |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60769 |
URI: | http://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2016.1272 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.58837/CHULA.THE.2016.1272 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Med - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
5874083430.pdf | 3.55 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.