Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/64070
Title: มาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร
Authors: วรัญธรณ์ สมลือชาชัย
Advisors: ทัชชมัย ทองอุไร
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนิติศาสตร์
Advisor's Email: [email protected]
Subjects: ผู้สูงอายุ--ที่อยู่อาศัย
การสูงวัยของประชากร
ภาษีมูลค่าเพิ่ม
Issue Date: 2561
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในประเทศไทยปัจจุบันกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือ Aging Society อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าในปี 2564 ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ หรือมีจำนวนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 ภายในปี 2574 หรือกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอดตามเกณฑ์ขององค์การสหประชาชาติ ธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการรองรับผู้สูงอายุของประเทศไทย ซึ่งโครงการที่รัฐบาลสนับสนุนยังไม่ครอบคลุมธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรที่เอกชนเป็นเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการมาก่อนแล้วในระยะหนึ่ง อีกทั้งนโยบายทางภาษีที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ ไม่ครอบคลุมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุอีกด้วย เอกัตศึกษาเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาแนวความคิด ความเป็นมาของธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรในประเทศไทย ตลอดจนศึกษาแนวความคิด ความเป็นมาของธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรในประเทศออสเตรเลีย รวมถึงมาตรการทางภาษีเกี่ยวกับธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรในประเทศออสเตรเลีย เพื่อนำมาปรับใช้ในประเทศไทย จากการศึกษาพบว่า การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับอาหารและสิ่งจำเป็นในการให้บริการขั้นพื้นฐานในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรตามประมวลรัษฎากรมีความไม่เหมาะสมบางประการ ทำให้ค่าบริการของธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรมีราคาสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุที่ใช้บริการในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร ทำให้ต้องชำระค่าบริการในราคาที่สูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงบริการในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรของผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้ จากความไม่เหมาะสมในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับอาหารและสิ่งจำเป็นในการให้บริการขั้นพื้นฐานในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร ผู้เขียนได้เสนอแนวทางการแก้ไข โดยให้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับอาหารและสิ่งจำเป็นในการให้บริการขั้นพื้นฐานในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรในอัตราร้อยละ 0 ซึ่งจะทำให้อาหารและสิ่งจำเป็นในการให้บริการขั้นพื้นฐานในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรปลอดภาระภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างแท้จริง เช่นเดียวกันกับประเทศออสเตรเลีย เมื่อต้นทุนค่าบริการลดลง เนื่องจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับอาหารและสิ่งจำเป็นในการให้บริการขั้นพื้นฐานที่ใช้ในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรในอัตราร้อยละ 0 แต่ค่าบริการอาจจะไม่ลดลง รัฐจึงควรมีมาตรการควบคุมราคา เกี่ยวกับราคาค่าบริการในธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร เพื่อให้ผู้ที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงบริการของธุรกิจบ้านพักและดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรได้ง่ายขึ้น และเมื่อมีผู้ต้องการใช้บริการมากขึ้น จะดึงดูดให้มีผู้ประกอบการสนใจทำธุรกิจประเภทนี้มากขึ้นไปด้วย
Description: เอกัตศึกษา (ศศ.ม.)—จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2561
Degree Name: ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: กฎหมายเศรษฐกิจ
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/64070
URI: http://doi.org/10.58837/CHULA.IS.2018.32
metadata.dc.identifier.DOI: 10.58837/CHULA.IS.2018.32
Type: Independent Study
Appears in Collections:Law - Independent Studies

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
6086223534.pdf1.73 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.