Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/66532
Title: | การพัฒนาวิธีการตรวจวัดนิกเกิลด้วยการวิเคราะห์หลายขั้นตอนแบบอัตโนมัติที่ใช้การไหลควบคู่กับการตรวจวัดทางเคมีไฟฟ้า |
Other Titles: | Method development for determination of nickel by automated multi-step flow analysis coupled with electrochemical detection |
Authors: | ปริญญ์ สุวัฒวิตยากร ทิฆัมพร พรหมศิริ |
Advisors: | สุชาดา จูอนุวัฒนกุล |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะวิทยาศาสตร์ |
Advisor's Email: | [email protected] |
Subjects: | นิกเกิล Nickel |
Issue Date: | 2557 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | งานวิจัยนี้ได้พัฒนาวิธีตรวจวัดปริมาณนิกเกิล(II) ด้วยเทคนิคโวลแทมเมตรี ได้แก่ ไซคลิกโวลแทมเมตรี และสแควร์เวฟแอโนดิกสทริปปิงโวลแทมเมตรี ร่วมกับเทคนิคซีเคว็นเชียลอินเจ็กชัน ซึ่งเป็นระบบการไหลอัตโนมัติ และใช้ขั้วไฟฟ้าคาร์บอนพิมพ์สกรีนเป็นขั้วไฟฟ้าใช้งาน โดยในขั้นแรกได้ศึกษาการวิเคราะห์ปริมาณของนิกเกิล(II) โดยใช้โซเดียมไฮดรอกไซด์ทาปฏิกิริยากับนิกเกิล(II) เกิดเป็นนิกเกิลไฮดรอกไซด์ (Ni(OH)₂) จากนั้นให้ศักย์ไฟฟ้าเพื่อทาให้นิกเกิลไฮดรอกไซด์เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันกลายเป็นนิกเกิลออกซีไฮดรอกไซด์ (NiOOH) ซึ่งสามารถตรวจวัดสัญญาณกระแสไฟฟ้าได้ จากการทดลองพบว่า วิธีนี้ไม่เหมาะสมสาหรับการวิเคราะห์หาปริมาณนิกเกิล(II) เนื่องจากสารเชิงซ้อนของนิกเกิลไฮดรอกไซด์ที่เกิดขึ้นมีลักษณะเป็นวุ้นติดอยู่บนขั้วไฟฟ้าใช้งาน และเมื่อศึกษาการล้างขั้วไฟฟ้าใช้งานด้วยวิธีต่าง ๆ พบว่า ขั้วไฟฟ้าใช้งานไม่สามารถล้างออกได้โดยการล้างเพียงครั้งเดียว มีผลทาให้ความสามารถในการวัดซ้าได้ต่า ดังนั้นจึงได้ศึกษาการวิเคราะห์ปริมาณของนิกเกิล(II) โดยใช้เทคนิคสแควร์เวฟแอโนดิกสทริปปิงโวลแทมเมตรี ร่วมกับเทคนิคซีเคว็นเชียลอินเจ็กชัน และใช้ขั้วไฟฟ้าคาร์บอนพิมพ์สกรีนเป็นขั้วไฟฟ้าใช้งาน โดยลดขั้นตอนการเกิดนิกเกิลไฮดรอกไซด์ พบว่ามีความสามารถในการทาซ้าได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับการศึกษาในครั้งแรก และผู้วิจัยได้ทดลองหาภาวะที่เหมาะสม ได้แก่ ศักย์ไฟฟ้าตกสะสม ชนิดของสารละลายอิเล็กโทรไลต์ และความเข้มข้นของสารละลายอิเล็กโทรไลต์ เมื่อสร้างกราฟเทียบมาตรฐานพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างสัญญาณกระแสไฟฟ้ากับความเข้มข้นของนิกเกิล(II) เป็นเส้นตรงในช่วง 0.1-1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยมีความชันเป็น 3.9137 μA L/mg และมี R² เท่ากับ 0.9778 |
Other Abstract: | This research project has developed the method for the determination of nickel(II) by voltammetric techniques such as cyclic voltammetry and square wave anodic stripping voltammetry coupled with sequential injection analysis, which is an automated flow system, using a screen-printed carbon electrode as a working electrode. Firstly, nickel(II) was determined by the reaction between nickel(II) and sodium hydroxide that produced nickel(II) hydroxide (Ni(OH)₂). After that, the potential was applied to oxidize nickel(II) hydroxide to be nickel(III) oxyhydroxide (NiOOH). This process can be measured by electrochemical detection. However, from the results, this method was not suitable for determination of nickel(II) because the nickel(II) hydroxide complex formed on the working electrode could not be removed from the electrode surface by any cleaning methods. The repeatability of this method was hence not good. Therefore, another method for determination of nickel(II) by sequential injection-square wave anodic stripping voltammetry using a screen-printed carbon electrode was investigated by performing without the step of nickel(II) hydroxide forming. As the results, the repeatability of this method was better than the previous one. The detection condition such as a deposition potential, a type of supporting electrolyte solution and a concentration of supporting electrolyte solution were optimized. The relationship between the obtained peak currents and the nickel(II) concentrations was linear in the range of 0.1-1.0 mg/L with the slope of 3.9137 μA L/mg and R² of 0.9778. |
Description: | โครงงานเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2557 |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/66532 |
Type: | Senior Project |
Appears in Collections: | Sci - Senior Projects |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
2557_34.pdf | 1.89 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.