Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/67994
Title: | การเปรียบเทียบส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตที่ได้จากการออกแบบ โดยวิธีมาร์แชลและวิธีซูเปอร์เพฟ ระดับ 1 |
Other Titles: | Comparison of asphalt mixtures from marshall and superpave TM level I mix design methods |
Authors: | พรชัย ศิลารมย์ |
Advisors: | ดิเรก ลาวัณย์ศิริ |
Advisor's Email: | [email protected] |
Subjects: | แอสฟัลต์คอนกรีต แอสฟัลต์ซีเมนต์ Asphalt concrete Asphalt cement |
Issue Date: | 2543 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | การศึกษานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตที่ได้จากการออกแบบส่วนผสมด้วยวิธีมาร์แชลและวิธีซูเปอร์เพฟระดับ 1 โดยเปรียบเทียบลักษณะทางด้านปริมาตรของส่วนผสมที่ได้และคุณสมบัติการใช้งานของส่วนผสมจากปริมาณแอสฟัลด์ที่ได้จากวิธีการออกแบบที่แตกต่างกัน ในการศึกษาจะใช้แอสฟัลต์ซีเมนต์ AC60/70 และมวลรวมประเภทหินปูน จำนวน 3 ขนาดคละโดยใช้พื้นที่ที่ถูกจำกัด (Restricted Zone) ในวิธีซูเปอร์เพฟ เป็นตัวกำหนด ขนาดคละที่ 1 2 และ 3 จะอยู่ด้านบน ผ่านกลาง และด้านใต้ของพื้นที่ถูกจำกัด ตามลำดับ นำมาทำการออกแบบส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตโดยวิธีมาร์แชลและวิธีซูเปอร์เพฟ ระดับ 1 เปรียบเทียบปริมาณแอสฟัลต์ซีเมนต์ปริมาณช่องว่างของอากาศ และปริมาณช่องว่างที่เติมด้วยแอสฟัลต์จากนั้นทำการเปรียบเทียบค่าความแปรปรวนของความหนาแน่นของก้อนตัวอย่างจากวิธีการบดอัดที่แตกต่างกัน สุดท้ายจะทำการเปรียบเทียบค่าโมดูลัสคืนตัวและทดสอบความล้าจากก้อนตัวอย่างที่ผสมด้วยปริมาณแอสฟัลต์ซีเมนต์ที่ได้จากการออกแบบ ผลการทดสอบที่ได้พบว่าส่วนผสมทั้ง 3 ขนาดคละให้ผลในแนวเดียวกันคือ การใช้วิธีการออกแบบส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตวิธีซูเปอร์เพฟระดับ 1 จะทำให้ได้ส่วนผสมที่มีค่าปริมาณแอสฟัลต์ซีเมนต์ ปริมาณช่องว่างของอากาศและปริมาณช่องว่างที่เติมด้วยแอสฟัลต์น้อยกว่าส่วนผสมที่ได้จากวิธีมาร์แชล นอกจากนี้การใช้ Gyratory Compactor ก็จะให้ค่าความแปรปรวนของก้อนตัว- อย่างน้อยกว่า ประกอบกับค่าโมดูลัสคืนตัวและความต้านทานต่อการยุบตัวจากการทดสอบความล้าก็มีค่ามากกว่า ดังนั้นสำหรับแอสฟัลต์ซีเมนต์ AC60/70 และขนาดคละของหินปูนที่ใช้พบว่าการใช้วิธีซูเปอร์เพฟระดับ 1 ออกแบบส่วนผสมจะทำให้ได้ส่วนผสมที่ใช้ปริมาณแอสฟัลต์ซีเมนต์น้อยลงทำให้เกิดการประหยัดในการก่อสร้างถนน และมีคุณสมบัติค่าโมดูลัสคืนตัวและความต้านทานต่อการยุบตัวดีขึ้นส่งผลให้ได้ผิวทางแบบแอสฟัลต์คอนกรีตที่มีความแข็งแรงด้านทานต่อการเสียหายได้ดีขึ้น |
Other Abstract: | The objective of this study is to investigate a comparison of asphalt concrete mixtures designed by two different methods; respectively Marshall and Superpave™ Level I mix design. The comparison is made by looking at the volumetric properties and performance properties for mixes at optimum asphalt content achieved by the different mix design methods. In this study, asphalt cement AC60/70 and three gradations of limestone were utilized. Three different gradation, respectively placed on the upper, passing through and below the Restricted Zone in Superpave™, were selected in the investigation. The first step was to determine the optimum asphalt content for asphalt concrete mixtures designed by Marshall and Superpave™ level I methods. This was done by looking at the optimum asphalt content, voids in the mineral aggregate (VMA) and the voids filled with asphalt (VFA). A comparison was made of density variation of the samples from each compaction methods. The last step was to compare resilient modulus and values from fatigue test of the samples from each optimum asphalt content from each design methods. The Superpave™ Level I mix design shows a lower optimum values of needed asphalt cement, VMA and VFA for all gradations. At the same time the variation in density of the samples from Gyratory Compactor is smaller and both the resilient modulus and deformation resistance are higher. In conclusion that, for asphalt cement AC60/70 and limestone aggregate, the utilization of Superpave™ Level I mix design tend to give the low cost asphalt concrete mixtures due to less asphalt cement than that of Marshall method. At the same time, it will be possible to get higher durability and quality road surface resulting from higher resilient modulus and better deformation resistance. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (วศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2543 |
Degree Name: | วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | วิศวกรรมโยธา |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/67994 |
ISSN: | 9743464808 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Eng - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Pornchai_si_front.pdf | หน้าปกและบทคัดย่อ | 337.29 kB | Adobe PDF | View/Open |
Pornchai_si_ch1.pdf | บทที่ 1 | 160.92 kB | Adobe PDF | View/Open |
Pornchai_si_ch2.pdf | บทที่ 2 | 942.11 kB | Adobe PDF | View/Open |
Pornchai_si_ch3.pdf | บทที่ 3 | 437.03 kB | Adobe PDF | View/Open |
Pornchai_si_ch4.pdf | บทที่ 4 | 2.05 MB | Adobe PDF | View/Open |
Pornchai_si_ch5.pdf | บทที่ 5 | 68.24 kB | Adobe PDF | View/Open |
Pornchai_si_back.pdf | บรรณานุกรมและภาคผนวก | 6.08 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.