การประเมินค่าการผสมพันธุ์พ่อพันธุ์โคนมภายใต้สภาพแวดล้อมประเทศไทย

Abstract

ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นข้อมูลโคนมที่เก็บรวบรวมโดยกองผสมเทียมกรมปศุสัตว์ จำนวนข้อมูลเข้าทำการวิเคราะห์ทั้งสิ้น 1,665 บันทึก วิเคราะห์ค่าพารามิเตอร์ ทางพันธุศาสตร์ของลักษณะปริมาณน้ำนมทั้งหมด ลักษณะปริมาณน้ำนมที่ 305 วัน ลักษณะปริมาณน้ำนมปรับที่ 305 วัน ลักษณะเปอร์เซ็นต์ไขมันนม และลักษณะเปอร์เซ็นต์โปรตีนด้วยวิธี General Expectation Maximization Restricted Maximum Likelihood (EM-REML) โดยโปรแกรมสำเร็จรูป MATVEC มีค่าอัตราพันธุกรรมของลักษณะข้างต้นเท่ากับ 0.519 ± 0.093 0.505 ± 0.091 0.528 ± 0.063 0.349 ± 0.077 และ 0.152 ± 0.054 ตามลำดับประมาณค่าสหสัมพันธ์ทางพันธุกรรมและลักษณะปรากฏด้วยวิธี Derivative Free Restricted Maximum Likelihood (DF-REML) ระหว่างลักษณะปริมาณน้ำนมทั้งหมดกับเปอร์เซ็นต์ไขมันนม ลักษณะปริมาณน้ำนมทั้งหมดกับเปอร์เซ็นต์โปรตีน และลักษณะเปอร์เซ็นต์ไขมันนม กับเปอร์เซ็นต์โปรตีนมีค่าเท่ากับ -0.008 -0.002 0.798 และ -0.020 -0.012 0.628 ตามลำดับ ประมาณค่าการผสมพันธุ์ด้วยวิธี Best Linear Unbiased Prediction (BLUP) เมื่อศึกษาเปรียบเทียบลำดับค่าการผสมพันธุ์ของโคนมระหว่างกลุ่มพันธุ์ที่แตกต่างกัน ด้วยวิธี Kruskal Wallis One Way Analysis of Variance พบว่าค่าเฉลี่ยของลำดับค่าการผสมพันธุ์ ของแม่โคนมในแต่ละกลุ่มพันธุ์ไม่มีความแตกต่างกัน และได้แสดงลำดับค่าการผสมพันธุ์ของพ่อพันธุ์ และ 100 ลำดับแรกของแม่โคนมในทุกลักษณะที่ทำการศึกษา ในการจัดลำดับ ค่าการผสมพันธุ์ในการวิเคราะห์ครั้งละ 3 ลักษณะซึ่งประกอบด้วย ลักษณะปริมาณน้ำนมทั้งหมด เปอร์เซ็นต์ไขมันนมและเปอร์เซ็นต์โปรตีน พบว่าลำดับค่าการผสมพันธุ์ของพ่อพันธุ์ในลักษณะปริมาณน้ำนมทั้งหมด ไม่แตกต่างจากลำดับค่าการผสมพันธุ์ที่ได้จากการวิเคราะห์ครั้งละ 1 ลักษณะ และมีค่าสหสัมพันธ์เท่ากับ 0.998 ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจเลือกใช้ลำดับค่าการผสมพันธุ์พ่อพันธุ์โคนมที่ได้จากการวิเคราะห์ครั้งละ 3 ลักษณะ และ 1 ลักษณะก็ได้ผลเช่นเดียวกัน