Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/68774
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | พิพัฒน์ พัฒนผลไพบูลย์ | - |
dc.contributor.advisor | สมเกียรติ ปิยะธีรธิติวรกุล | - |
dc.contributor.author | เจนจิรา แก้วรัตน์ | - |
dc.contributor.other | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย | - |
dc.date.accessioned | 2020-10-27T08:44:12Z | - |
dc.date.available | 2020-10-27T08:44:12Z | - |
dc.date.issued | 2541 | - |
dc.identifier.isbn | 9746396706 | - |
dc.identifier.uri | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/68774 | - |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2541 | en_US |
dc.description.abstract | การศึกษาความสามารถของโกงกางใบเล็กเพื่อบำบัดน้ำทิ้งจากการเลี้ยงกุ้ง เน้นศึกษาการลดปริมาณไนโตรเจน และฟอสฟอรัส โดยแบ่งโกงกางใบเล็กเป็น 3 ขนาดตามมวลชีวภาพเริ่มต้นคือ 160.3, 122.4 และ 82.5 กรัมต่อต้น และแต่ละขนาดแบ่งเป็น 3 กลุ่มทดลอง คือ กลุ่มทดลองที่ได้รับน้ำทะเล น้ำทิ้งจากการเลี้ยงกุ้ง และ Hoagland solution พบว่าโกงกางใบเล็กที่ได้รับ Hoagland solution มีอัตราการดูดซับไนโตรเจน และฟอสฟอรัสสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 925.7 และ 143.4 กิโลกรัมต่อเฮกแตร์ต่อปีตามลำดับ โดยไม่มีความแตกต่างทางสถิติในทุกขนาดมวลชีวภาพเริ่มต้นที่ศึกษา (p>0.05) ส่วนโกงกางใบเล็กที่ได้รับน้ำทิ้งจากการเลี้ยงกุ้ง มีอัตราการดูดซับไนโตรเจน และฟอสฟอรัสเฉลี่ยเท่ากับ 148.1 และ 16.0 กิโลกรัมต่อเฮกแตร์ต่อปีตามลำดับ และจากการวิจัยยังพบว่าโกงกางใบเล็กที่ได้รับน้ำทะเลมีการปลดปล่อยไนโตรเจนและฟอสฟอรัสออกมา ส่วนมวลชีวภาพที่เพิ่มขึ้นพบว่าโกงกางใบเล็กที่ได้รับ Hoagland solution น้ำทิ้งจากการเลี้ยงกุ้ง และน้ำทะเลมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) ซึ่งโกงกางใบเล็กที่ได้รับ Hoagland solution มีมวลชีวภาพเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยที่มวลชีวภาพเริ่มต้น 160.3, 122.4 และ 82.5 กรัมต่อต้น มีมวลชีวภาพเพิ่มขึ้นเท่ากับ 20.9, 41.4 และ 36.0 ต้นต่อเฮกแตร์ต่อปีตามลำดับ ส่วนโกงกางใบเล็กที่ได้รับน้ำทิ้งจากการเลี้ยงกุ้งมีมวลชีวภาพเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 11.2 ต้นต่อเฮกแตร์ต่อปี โดยไม่แตกต่างกันในทุกขนาดที่ศึกษา และโกงกางใบเล็กที่ได้รับน้ำทะเลมีมวลชีวภาพเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่สุด 6.2 ตันต่อเฮกแตร์ต่อปี นอกจากนี้ยังพบว่าปริมาณไนโตรเจน และฟอสฟอรัสที่ถูกดูดซับกับมวลชีวภาพที่เพิ่มขึ้นสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าสามารถใช้โกงกางใบเล็กในการบำบัดจากการเลี้ยงกุ้งได้ดี และมีประสิทธิภาพ ใกล้เคียงกันในทุกขนาดที่ศึกษา ซึ่งโกงกางใบเล็กมีประสิทธิภาพการลดปริมาณไนโตรเจน และฟอสฟอรัสในน้ำทิ้งจากการเลี้ยงกุ้งได้ประมาณ 80% ส่วนในกรณีที่มีปริมาณธาตุอาหารมากใน Hoagland solution โกงกางใบเล็กมีประสิทธิภาพในการลดปริมาณไนโตรเจน และฟอสฟอรัสประมาณ 90% | - |
dc.description.abstractalternative | The efficiency of Rhizophora apiculata on nitrogen and phosphorus reduction of shrimp culture effluent was designed using 3 mangrove initial biomass (160.3 ,122.4 and 82 .5 g /stem) and 3 effluent sources (seawater, water effluent from shrimp culture and Hoagland solution). The results indicated that R. apiculata cultured in different effluent sources had significant differences in nitrogen and phophorus uptake rates (p< 0.05). R. apiculata grown in Hoagland solution showed the highest uptake rate of nitrogen and phosphorus at 925.7 and 143.4 kg /ha/yr respectively, and had no significant difference among initial biomass (p > 0 .05). For shrimp culture effluent, R. apiculata uptake rate of nitrogen and phosphorus was 148.1 and 16.0 kg/ha /yr, respectively. R. apiculata grown only in seawater showed no uptake of either nitrogen or phosphorus, but some nitrogen and phosphorus was released from the system to the water. For mangrove production, R. apiculata cultured in different effluent sources had significant differences in biomass production (p< 0.05). R. apiculata grown in Hoagland solution showed that its production varied by initial biomass (160.3, 122.4 and 8 2.5 g/stem) at 20.9, 41.4 and 36.0 ton/ha/yr, respectively. Production of R. apiculata grown in shrimp culture effluent was 11.2 ton/ha/yr without any biomass effect. There was only a small gain in mangrove grow n in seawater, at 6.2 ton/ha/yr. Reduction of nitrogen and phosphorus from the effluent water was significantly correlated to mangrove production. The results indicate that shrimp farm effluent can be treated by R. apiculata. Comparison nitrogen and phosphorus uptake by plant, R. apiculata gave an efficiency of 90% when grown in Hoagland solution and 80 % when grown in shrimp culture effluent without any biomass effect. | - |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.rights | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.subject | ไม้โกงกาง | en_US |
dc.subject | น้ำเสีย -- การบำบัด | en_US |
dc.subject | กุ้ง -- การเลี้ยง | en_US |
dc.subject | ป่าชายเลน | en_US |
dc.subject | Rhizophora | en_US |
dc.subject | Sewage -- Purification | en_US |
dc.subject | Shrimp culture | en_US |
dc.subject | Mangrove forests | en_US |
dc.title | ความสามารถของโกงกางใบเล็ก Rhizophora apiculata เพื่อการบำบัดน้ำทิ้งจากการเลี้ยงกุ้ง | en_US |
dc.title.alternative | Efficiency of Rhizophora apiculata for treatment of shrimp farm effluent | en_US |
dc.type | Thesis | en_US |
dc.degree.name | วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต | en_US |
dc.degree.level | ปริญญาโท | en_US |
dc.degree.discipline | วิทยาศาสตร์สภาวะแวดล้อม (สหสาขาวิชา) | en_US |
dc.degree.grantor | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | en_US |
dc.email.advisor | [email protected] | - |
dc.email.advisor | [email protected] | - |
Appears in Collections: | Grad - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Jenjira_ka_front_p.pdf | หน้าปก และบทคัดย่อ | 991.86 kB | Adobe PDF | View/Open |
Jenjira_ka_ch1_p.pdf | บทที่ 1 | 685.76 kB | Adobe PDF | View/Open |
Jenjira_ka_ch2_p.pdf | บทที่ 2 | 1.41 MB | Adobe PDF | View/Open |
Jenjira_ka_ch3_p.pdf | บทที่ 3 | 1.53 MB | Adobe PDF | View/Open |
Jenjira_ka_ch4_p.pdf | บทที่ 4 | 1.88 MB | Adobe PDF | View/Open |
Jenjira_ka_ch5_p.pdf | บทที่ 5 | 1.04 MB | Adobe PDF | View/Open |
Jenjira_ka_ch6_p.pdf | บทที่ 6 | 655.09 kB | Adobe PDF | View/Open |
Jenjira_ka_back_p.pdf | บรรณานุกรม และภาคผนวก | 1.4 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.